วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวเพชรบุรีอีกแบบ แบบเช้าไปเย็นกลับ

ทริปเที่ยวไทยกันวันนี้ไปเที่ยวจังหวัดราชบุรี แบบออกเช้าจากกรุงเทพ และกลับตอนเย็น โดยมีกำหนดการคร่าวๆ ดังนี้

8:00 เที่ยวถ้ำเขาย้อย
10:00 เที่ยววัดเขาตะเครา
11:00 เที่ยวบางขุนไทร
14:00 หาดเจ้าสำราญ
15:30 เที่ยวที่แหลมผักเบี้ย

8:00
แวะเที่ยวถ้ำเขาย้อยกันอีกสักครั้งในทริปนี้ หากจะว่าไปแล้ว ถ้ำเขาย้อยเป็นวัดหนึ่งที่มีความเป็นมาที่น่าสนใจมากๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจจะดูเป็นเพียงผิวเผินเป็นเพียงถ้ำที่มีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในถ้าำ หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกว่าถ้ำพระนั่นเอง แต่หารู้ไม่ว่า พระพุทธรูปต่างๆ นั้นมีประวัติความเป็นมามีความสำคัญมากๆ ต่อคนเมืองเพชร ประวัติของถ้ำแห่งนี้ เ่ล่ากันว่าเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังผนวขอยู่นั้น พระองค์ได้เสด็จธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่หน้าเขาย้อย แล้วทรงย้ายขึ้นมานั้งกรรมฐานอยู่ในถ้ำเขาย้อยอยู่นานหลายคืน ซึ่งประวัติอื่นๆยังมีอีกมากครับ ด้านหลังของถ้ำเขาย้อยนั้นมีกิจกรรมปีนหน้าผากันทุกวันเสาร์อาทิตย์ ใครสนใจก้อลองไปชมดูได้ครับ

10:00
เที่ยววัดเขาตะเครา โดยจากเมืองเพชรแล้วข้ามทางรถไฟบริเวณใกล้กับสถานีรถไฟเพชรบุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3176 ระยะทางประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร เราก้อจะเห็นซุ้มประตูทางเข้าวัดขนาดใหญ่ทางซ้ายมือ โดยเลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งตั้งอยู่ตำบลบางครกนั่นเอง

วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อเขาตะเคราเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สูง 29 นิ้ว หน้าตักกว้าง 21 นิ้ว ประวัติของวัดนี้น่าสนใจอยู่ไม่น้อยนั่นก้อคือ หลวงพ่อเขาตระเคราเป็นพระพี่น้อง 3 องค์ กับหลวงพ่อโสธร จากจังหวัดฉะเชิงเทรา หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม บางตำราว่าเป็นพี่น้องกันถึง 5 องค์คือ พลวงพ่อบางพลีใหญ่ และหลวงพ่อวัดไร่ขิงที่จังหวัดนครปฐม ที่มาของพระพุทธรูปองค์นี้คือ เมื่อปลายสมัยอยุธยา ช่วงเวลาที่ชาวบ้านแหลมได้หนีทัพพม่ามาตั้งที่ทำกินใหม่อยู่บริเวณปากน้ำแม่กลอง จากนั้นก้อกลายมาเป็นบรรพบุรุษของชาวสมุทรสงคราม และแล้ววันหนึ่งชาวบ้านแหลมออกทะเลไปตีอวนที่ปากอ่าว ปรากฏว่า ได้พระพุทธรูปขี้นมา 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร ส่วนอีกองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชาวบ้านจึงได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม ซึ่งในปัจจุบันก้อคือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร กลางเมืองสมุทรสงคราม ส่วนอีกองค์หนึ่งมอบให้ญาติชาวบางตะบูนนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรีนั่นเอง

11:00
แวะมาดูการจับหอยแครง หอยเสียบ และหอยลายกันที่บางขุนไทร ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ติดริมทะเล อยู่ห่างจากเมืองเพชรไปตามทางหลวงหมายเลข 3178 ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร การจับหอยของชาวบ้านบางขุนไทรนั้นน่าทึ่งเป็นอย่างมากเลย นั่นคือเขาจะใช้กระดานถีบเลื่อนไปบนผิวเลนในช่วงน้ำลง วิธีการจับดูแล้วไม่ยากเย็นอะไร เพียงแต่สังเกตดูทรายที่มันอาศัยอยู่ ข้อนี้ต้องอาศัยประสบการณ์กันเอาเอง บางคนมีเทคนิคแตกต่างกันไป หากเหนื่อยนักก้อมาพักร้อนนั่งกินอาหารทะเลสดๆ ภายในหมู่บ้านของเขานั่นแหล่ะมีตั้งหลายร้าน น้ำจิ้มรสจัดจ้านทานกับหอยทีี่จับมาลวก รสชาติสุดยอดอร่อย หากไม่อยากเปื้อนเลนดำๆ ก้อนั่งแพชมการจับหอยได้โดย 1 แพ นั่้งได้ 3 คน ราคาตามแต่ตกลง

14:00
หากยังไม่สะใจกับสายลมและเกลียวคลื่นก้อต้องไปเที่ยวต่อกันที่หาดเจ้าสำราญ ซึ่งที่หาดนี้เอง เจ้าขุนมูลนาย สมัยก่อนเคยมาสำราญกันหลายยุคหลายสมัย เช่น พระนเรศวร พระเอกาทศรถ พระเจ้าเสือ รัชกาลที่ 6 ก้อเคยเสด็จมา และโปรดเกล้าให้สร้างพระราชวังทีนีี่ ก่อนที่จะรื้อไปสร้างใหม่ที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวันในปัจจุบััน

15:30
ขับรถไปทางถนนมุ่งตรงไปยังอำเภอบ้านแหลม ก้อจะได้เห็นการทำนาเกลือ ภูมิปัญญาชาวบ้านแท้ๆ หากอยากได้เกลือทะเลแท้ๆ ก้อซื้อกลับบ้านดูก้อได้ และดูว่าต่างจากเกลือที่ซื้อในห้างหรือเปล่า หากอยากดูนกก้อมีให้ดูมากมาย มีนกทะเลมากมายหลายชนิด จนมาถึงบ้านแหลม ก้อมาต่อที่แหลมหลวงหรือแหลมผักเบี้ย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของเมืองเพชร ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบุรี ประมาณ 20 กิโลเมตร ลักษณะของแหลมหลวงแห่งนี้จะเป็นหาดทราย มีปลายแหลมยื่นยาวไปในทะเล ถึง 2 กิโลเมตร ที่นี่เขามีบริการเรือหางยาวไปที่ปลายแหลม และต้องใช้เวลาในการนั่งเรือไปถึงประมาณครึ่งชั่วโมง

จุดที่น่าสนใจของแหลมผักเบี้ยหรือแหลมหลวงนอกจากทะเลที่ปลายแหลมแล้ว ช่วงเย็นยังสามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกได้อีก และยังสามารถนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: