เพราะการท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์นั้นแสนง่าย วันนี้ขอแนะนำเที่ยวอำเภอเขาย้อย แบบเช้าไป-เย็นกลับ โดยจุดหมายของเราก้อคือ ถ้ำเขาย้อย-ถ้ำเขาหลวง โดยโปรแกรมมีดังนี้
8:20 ถ้ำเขา้ย้อย
9:00 วัดกุฏิ
10:00-13:00 ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง
13:30 พระนครคีรี หรือเขาวัง
15:30 วัดพระพุทธไสยาสน์
16:30 ถ้ำเขาหลวง
17:00 แวะซื้อของกลับบ้าน (ขนมไทยเมืองเพชร)
8:00
เส้นทางการเดินทางก่อนเข้าสู่ตัวเมืองเพชร วัดถ้ำเขาย้อยนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวจุดแรก เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่เมืองเพชรบุรีก้อว่าได้ วัดนี้อยู่ทางทิศตะวันออกของเขาย้อย ใกล้กับที่ว่าการอำเภอ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์น้อยประดิษฐานอยู่หลายปางด้วยกัน เล่ากันว่า พระพุทธรูปเหล่านี้มีมานานแล้วภายหลังต่อมาพระครูอ่อนวัดท้ายตลาดมาบูรณะ ใหม่ แม้ว่าภายในถ้ำจะไม่สวยงามเหมือนถ้ำเขาบินที่จังหวัดราชบุรีก้อตาม แต่ถือว่ามีความงามในระดับหนึ่งทีเดียว ก่อนจะเดินทางต่อไปด้วยความสุขทางกายและทางใจ ก้อควรมานมัสการกันที่แห่งนี้เป็นอันดับแรกกันนะ ต่อจากนั้นก้อมุ่งสู่วัดกุฏีต่อไป
9:00
วัดกุฏีเป็นวัดเก่าแก่ที่น่าสนใจของเพชรบุรี สร้างในสมัยอยุธยา พระอุโบสถทำด้วยไม้สักแกะสลักทั้งหลัง รอบๆ พระอุโบสถทางด้านนอกสลักเป็นเรื่องทศชาติ มหาชาติ และไซอิ๋ว หน้าบันโบสถ์ทิศตะวันออกแกะสลักเป็นเหรียตรามงกุฏสมัยรัชกาลที่ 4 ส่วนทางด้านตะวันตกแกะสลักเป็นรูปเหรียญกษาปณ์ราคา 1 บาท พร้อมตราแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 5 และอีกอย่างภายในโบสถ์ซึ่งหากจะนำมากล่าวถึงคงต้องใช้เวลานาน เอาเป็นว่ามาเที่ยวเองดีกว่า จะได้เห็นอะไรสุดยอดๆ
10:00
เป็นเวลาเปิดให้เข้าชมพอดิบพอดีเลยสำหรับศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง ซึ่งเป็นชุมชนกลุ่มหนึ่งที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองเดียนเบียนฟูในประเทศเวียดนามโน่น และที่นี่เป็นชุมชนชาวไทยทรงดำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีสมาชิกกว่า 700 หลังคาเรือน ชาวไทยทรงดำบ้านหนองปรงได้อพยพมาจากหลวงพระบางตั้งแต่รัชกาลที่ 1 แม้ว่าปัจจุบันบ้านเรือนได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วก้อตาม แต่วัฒนธรรมและประเพณีของชาวไทยทรงดำไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย งานแต่งงาน เหล่านี้ยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน หากต้องการจะสัมผัสวิถีชีวิตของชาวไทยทรงดำ ก้อต้องมาช่วงเดือนเมษายนหรือช่วงเทศกาลสงกรานต์สนุกแน่ครับ และยังได้ชมสินค้าพื้นเมืองที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้แล้วในปัจจุบัน อ้อ ลืมบอกไปว่าเมืองที่นี่นับว่าอร่อยไม่แแพ้อาหารเมืองกรุงที่เราท่านคุ้นลิ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่เสียค่าเข้าชมเปิดตั้งแต่เวลา 10:00-12:00
13:30
ได้สัมผัสวิถีชีวิตของไทยทรงดำและชิมอาหารพื้นเมืองของเขาแล้ว หนังตาก้อคงจะหย่อนยานแน่ๆ ยังครับยังไม่หมด จุดต่อไปที่นี่เลย พระนครคีรีหรือเขาวังภาษาที่ชาวบ้านเขาเรียกกัน ตั้งโดดเด่นเป็นตระหล่านบนยอดเขาสูง 92 เมตร กลางใจเมืองเพชรเลย และเป็นพระราชวังแห่งแรกของไทยที่สร้างบนภูเขาสูงเสียด้วยสิ ซึ่งสร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 4 ในปี พ.ศ. 2402 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2403 เพียงปีเดียวเท่านั้น พร้อมกับพระราชทานนามว่า พระนครคีรี ซึ่งก่อนจะมาเป็นกลุมโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรีในที่สุด
หากมองจากเมืองจะเห็นว่ามียอดเขาถึง 3 ยอด เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างไทย จีน ฝรั่ง อยู่บนยอดเขาทั้ง 3 ปกคลุมด้วยสีเขียวของพรรณไม้นานาชนิดโดยเฉพาะต้นลั่นทมที่มีมากเหลือเกิน ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วขุนเขา ยอดทางด้านทิศตะวันออกนั้นเป็นที่ตั้งของวัดมหาสมณาราม บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว ซึ่งเป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี เขายอดกลาง เป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุจอมเพชรที่สูงถึง 40 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใจ เขายอดกลางนี้สามารถมองเห็นพระที่นั่งต่างๆ บนยอดเขาอีก 2 เมตรและทิวทัศน์ในตัวเมืองเพชรได้อย่างถนัดตา ถัดไปทางยอดเขาทิศตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังที่ประทับได้แก่ พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ หอพิมานเพชรมเหศวร พระที่นั่งสันถาคารสถาน หอจตุเวทปริตพัจน์ ศาลาทัศนานักขัตฤกษ์ รอบพระราชวังมีป้อมล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศ คือป้อมธตรฐป้องปก ทางทิศตะวันออก ป้อมวิรุฬหกบริรักษ์ ทางทิศใต้ ป้อมวิรูปักษ์ป้องกัน ทางทิศตะวันตก และป้อมเวสสุวรรณรักษา ทางทิศเหนือ ยังไม่หมดแค่น้น หากเขียนลงในนี้คงไม่หมด ไปดูเองดีกว่า ถ้าจะให้ได้รสชาติ ควรเดินขึ้นอย่างเดียว หรือหากร่างกายไม่ไหว เขา้ก้อมีบริการรถรางไฟฟ้า (ตั๋วไป-กลับ) ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท ค่าเข้าชมคนไทย 20 บาท ฝรั่ง 40 บาท เปิดตั้งแต่ 8:30 ถึง 16:30 เท่านั้น
15:30
ลงจากยอดเขาแวะซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ บริเวณเชิงเขากันเสียก่อน เมื่อรู้สึกสดชื่นและหายหิวแล้วจะต่อกันที่วัดพระพุทธไสยาสน์ หรือวัดพระนอนกันเลย ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาวังเท่าไรนัก ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาวังด้านทิศใต้ บนถนนคีรีรัฐยา เป็นวัดเก่าแก่อยู่คู่วัดและเมืองเพชรมาช้านานตั้งแต่สมัยอยุธยาและเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ใหญ่ระดับ 1 ใน 4 ของไทยเลยทีเดียว สร้างด้วยอิฐและลงรักปิดทอง ทำให้มีลักษณะงดงามแสดงฝีมือของช่างฝีมือเมืองเพชรในสมัยนั้น และไม่ปรากฏหลักฐานด้ัวยว่าใครเป็นผู้สร้างเสียด้วยสิ
16:30
ถ้ำเขาหลวง อยู่ห่างจากเขาวังประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นอีกแห่งหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญจะละเลยไปไม่ได้เลย ถ้ำเขาหลวงนั้นมีการมีการพัฒนาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 โดยโปรดเกล้า่ให้สร้างเป็นบันไดหินลงไปในถ้ำ ซึ่งมีพระพุทธรูปโบราณประดิษฐาานอยู่ แค่นั้นยังไม่พอ ทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระพุทธรูปเพิ่มเพื่ออุทิศถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อนร่วมกับเจ้านายฝ่ายใจและพระบรมวงศานุวงศ์ นับว่าเป็นถ้ำที่มีความสวยงามของเมืองเพชร และยังมีหินงอกหินย้อยที่งดงามมาก
ที่ถ้ำเขาหลวงแห่งนี้จนเชิงบันไดจนถึงปากถ้ำ จะมีฝูงลิงจำนวนมากคอยต้อนรับการมาเยือนของเราด้วยท่าทางไมตรีจิต บางตัวยิ้มจนเห็นฟันเหลืองอ๋อย ขนมนมเนยที่ถือติดตัวไปด้วยนั้นก้อระวังให้ดี
17:30
ก่อนกลับบ้านยังพอมีเวลา ก้อมาเลือกซื้อของกิน ติดไม้ติดมือไปฝากคนข้างบ้าน ขนมหม้อแกง ทองหยิบทองหยอด ขึ้นชื่อมากในเมืองเพชร
8:20 ถ้ำเขา้ย้อย
9:00 วัดกุฏิ
10:00-13:00 ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง
13:30 พระนครคีรี หรือเขาวัง
15:30 วัดพระพุทธไสยาสน์
16:30 ถ้ำเขาหลวง
17:00 แวะซื้อของกลับบ้าน (ขนมไทยเมืองเพชร)
8:00
เส้นทางการเดินทางก่อนเข้าสู่ตัวเมืองเพชร วัดถ้ำเขาย้อยนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวจุดแรก เรียกได้ว่าเป็นประตูสู่เมืองเพชรบุรีก้อว่าได้ วัดนี้อยู่ทางทิศตะวันออกของเขาย้อย ใกล้กับที่ว่าการอำเภอ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์น้อยประดิษฐานอยู่หลายปางด้วยกัน เล่ากันว่า พระพุทธรูปเหล่านี้มีมานานแล้วภายหลังต่อมาพระครูอ่อนวัดท้ายตลาดมาบูรณะ ใหม่ แม้ว่าภายในถ้ำจะไม่สวยงามเหมือนถ้ำเขาบินที่จังหวัดราชบุรีก้อตาม แต่ถือว่ามีความงามในระดับหนึ่งทีเดียว ก่อนจะเดินทางต่อไปด้วยความสุขทางกายและทางใจ ก้อควรมานมัสการกันที่แห่งนี้เป็นอันดับแรกกันนะ ต่อจากนั้นก้อมุ่งสู่วัดกุฏีต่อไป
9:00
วัดกุฏีเป็นวัดเก่าแก่ที่น่าสนใจของเพชรบุรี สร้างในสมัยอยุธยา พระอุโบสถทำด้วยไม้สักแกะสลักทั้งหลัง รอบๆ พระอุโบสถทางด้านนอกสลักเป็นเรื่องทศชาติ มหาชาติ และไซอิ๋ว หน้าบันโบสถ์ทิศตะวันออกแกะสลักเป็นเหรียตรามงกุฏสมัยรัชกาลที่ 4 ส่วนทางด้านตะวันตกแกะสลักเป็นรูปเหรียญกษาปณ์ราคา 1 บาท พร้อมตราแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 5 และอีกอย่างภายในโบสถ์ซึ่งหากจะนำมากล่าวถึงคงต้องใช้เวลานาน เอาเป็นว่ามาเที่ยวเองดีกว่า จะได้เห็นอะไรสุดยอดๆ
10:00
เป็นเวลาเปิดให้เข้าชมพอดิบพอดีเลยสำหรับศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง ซึ่งเป็นชุมชนกลุ่มหนึ่งที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองเดียนเบียนฟูในประเทศเวียดนามโน่น และที่นี่เป็นชุมชนชาวไทยทรงดำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีสมาชิกกว่า 700 หลังคาเรือน ชาวไทยทรงดำบ้านหนองปรงได้อพยพมาจากหลวงพระบางตั้งแต่รัชกาลที่ 1 แม้ว่าปัจจุบันบ้านเรือนได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วก้อตาม แต่วัฒนธรรมและประเพณีของชาวไทยทรงดำไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย งานแต่งงาน เหล่านี้ยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน หากต้องการจะสัมผัสวิถีชีวิตของชาวไทยทรงดำ ก้อต้องมาช่วงเดือนเมษายนหรือช่วงเทศกาลสงกรานต์สนุกแน่ครับ และยังได้ชมสินค้าพื้นเมืองที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้แล้วในปัจจุบัน อ้อ ลืมบอกไปว่าเมืองที่นี่นับว่าอร่อยไม่แแพ้อาหารเมืองกรุงที่เราท่านคุ้นลิ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่เสียค่าเข้าชมเปิดตั้งแต่เวลา 10:00-12:00
13:30
ได้สัมผัสวิถีชีวิตของไทยทรงดำและชิมอาหารพื้นเมืองของเขาแล้ว หนังตาก้อคงจะหย่อนยานแน่ๆ ยังครับยังไม่หมด จุดต่อไปที่นี่เลย พระนครคีรีหรือเขาวังภาษาที่ชาวบ้านเขาเรียกกัน ตั้งโดดเด่นเป็นตระหล่านบนยอดเขาสูง 92 เมตร กลางใจเมืองเพชรเลย และเป็นพระราชวังแห่งแรกของไทยที่สร้างบนภูเขาสูงเสียด้วยสิ ซึ่งสร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 4 ในปี พ.ศ. 2402 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2403 เพียงปีเดียวเท่านั้น พร้อมกับพระราชทานนามว่า พระนครคีรี ซึ่งก่อนจะมาเป็นกลุมโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรีในที่สุด
หากมองจากเมืองจะเห็นว่ามียอดเขาถึง 3 ยอด เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างไทย จีน ฝรั่ง อยู่บนยอดเขาทั้ง 3 ปกคลุมด้วยสีเขียวของพรรณไม้นานาชนิดโดยเฉพาะต้นลั่นทมที่มีมากเหลือเกิน ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วขุนเขา ยอดทางด้านทิศตะวันออกนั้นเป็นที่ตั้งของวัดมหาสมณาราม บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว ซึ่งเป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี เขายอดกลาง เป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุจอมเพชรที่สูงถึง 40 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใจ เขายอดกลางนี้สามารถมองเห็นพระที่นั่งต่างๆ บนยอดเขาอีก 2 เมตรและทิวทัศน์ในตัวเมืองเพชรได้อย่างถนัดตา ถัดไปทางยอดเขาทิศตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังที่ประทับได้แก่ พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ หอพิมานเพชรมเหศวร พระที่นั่งสันถาคารสถาน หอจตุเวทปริตพัจน์ ศาลาทัศนานักขัตฤกษ์ รอบพระราชวังมีป้อมล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศ คือป้อมธตรฐป้องปก ทางทิศตะวันออก ป้อมวิรุฬหกบริรักษ์ ทางทิศใต้ ป้อมวิรูปักษ์ป้องกัน ทางทิศตะวันตก และป้อมเวสสุวรรณรักษา ทางทิศเหนือ ยังไม่หมดแค่น้น หากเขียนลงในนี้คงไม่หมด ไปดูเองดีกว่า ถ้าจะให้ได้รสชาติ ควรเดินขึ้นอย่างเดียว หรือหากร่างกายไม่ไหว เขา้ก้อมีบริการรถรางไฟฟ้า (ตั๋วไป-กลับ) ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท ค่าเข้าชมคนไทย 20 บาท ฝรั่ง 40 บาท เปิดตั้งแต่ 8:30 ถึง 16:30 เท่านั้น
15:30
ลงจากยอดเขาแวะซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ บริเวณเชิงเขากันเสียก่อน เมื่อรู้สึกสดชื่นและหายหิวแล้วจะต่อกันที่วัดพระพุทธไสยาสน์ หรือวัดพระนอนกันเลย ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาวังเท่าไรนัก ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาวังด้านทิศใต้ บนถนนคีรีรัฐยา เป็นวัดเก่าแก่อยู่คู่วัดและเมืองเพชรมาช้านานตั้งแต่สมัยอยุธยาและเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ใหญ่ระดับ 1 ใน 4 ของไทยเลยทีเดียว สร้างด้วยอิฐและลงรักปิดทอง ทำให้มีลักษณะงดงามแสดงฝีมือของช่างฝีมือเมืองเพชรในสมัยนั้น และไม่ปรากฏหลักฐานด้ัวยว่าใครเป็นผู้สร้างเสียด้วยสิ
16:30
ถ้ำเขาหลวง อยู่ห่างจากเขาวังประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นอีกแห่งหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญจะละเลยไปไม่ได้เลย ถ้ำเขาหลวงนั้นมีการมีการพัฒนาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 โดยโปรดเกล้า่ให้สร้างเป็นบันไดหินลงไปในถ้ำ ซึ่งมีพระพุทธรูปโบราณประดิษฐาานอยู่ แค่นั้นยังไม่พอ ทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระพุทธรูปเพิ่มเพื่ออุทิศถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ก่อนร่วมกับเจ้านายฝ่ายใจและพระบรมวงศานุวงศ์ นับว่าเป็นถ้ำที่มีความสวยงามของเมืองเพชร และยังมีหินงอกหินย้อยที่งดงามมาก
ที่ถ้ำเขาหลวงแห่งนี้จนเชิงบันไดจนถึงปากถ้ำ จะมีฝูงลิงจำนวนมากคอยต้อนรับการมาเยือนของเราด้วยท่าทางไมตรีจิต บางตัวยิ้มจนเห็นฟันเหลืองอ๋อย ขนมนมเนยที่ถือติดตัวไปด้วยนั้นก้อระวังให้ดี
17:30
ก่อนกลับบ้านยังพอมีเวลา ก้อมาเลือกซื้อของกิน ติดไม้ติดมือไปฝากคนข้างบ้าน ขนมหม้อแกง ทองหยิบทองหยอด ขึ้นชื่อมากในเมืองเพชร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น