วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ไปเที่ยวงานเทศกาลหมูย่างเมืองตรังกันดีกว่า


ขอเชิญเที่ยวงานเทศกาลหมูย่างเมืองตรังวันที่ 5 กันยายน 2553 นี้ครับ



หมูย่างสำหรับชาวตรังนั้นไม่ใช่เป็นอาหารที่ใช้เพื่อการบริโภคเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่มีความผูกพันกับชาวตรังตลอดช่วงของชีวิต

เพราะ ชาวตรังใช้หมูย่างในเหตุการณ์สำคัญเกือบทุกโอกาส รวมทั้งความเชื่อที่ว่า หากกินหมูย่างตอนเช้าจะทำให้การงานในวันนั้นสำเร็จลุล่วงลงอย่างง่ายดาย กลายเป็นเรื่องหมู...หมู...

หากย้อนตำนานต้นกำเนิดของหมูย่างนั้น เกิดขึ้นในประเทศจีน ประมาณ 1,000 ปีมาแล้วในสมัยราชวงศ์ถัง การค้นพบวิธีการย่างหมูนั้นเป็นการบังเอิญ คือในขณะที่พ่อครัวในพระราชวังกำลังปรุงอาหาร ได้ทำหมูชิ้นหนึ่งตกลงไปในเตาถ่านจนเนื้อสุกและหนังไหม้ พ่อครัวได้ลองหยิบมาชิมจึงรู้สึกว่าหมูชิ้นนั้นมีรสชาติหอมกรอบอร่อยกว่า เดิมมาก จึงทำให้เขาเริ่มมีความคิดว่า การนำหมูมาย่างเป็นอาหารจะอร่อยกว่าการนำไปใช้ทำอาหารอย่างอื่น

ดัง นั้น พ่อครัวจึงได้ทดลองนำหมูมาย่างแล้วนำขึ้นถวายฮ่องเต้ ปรากฏว่าฮ่องเต้โปรดมากเนื่องจากหมูพอย่างสุกพอเหมาะหนังจะมีสีเหลืองดุจ ทองคำสุกอร่าม ฮ่องเต้จึงตั้งชื่อหมูย่างนี้ว่า "หมูทอง" ทำให้ชาวจีนใช้ชื่อนี้เรียกมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อเวลาผ่านมานับพันปี วิชาการหมูย่างก็ได้เผยแพร่โดยการสืบทอดตระกูลของพ่อครัว จนกระทั่งมาถึงมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นมณฑลที่ชาวเมืองมีฝีมือในการปรุงอาหาร จะเห็นได้จากอาหารจีนที่มีรสอร่อยที่สุดจะปรุงโดยพ่อครัวชาวกวางตุ้งทั้ง สิ้น ดังนั้นจากเดิมหมูย่างซึ่งเป็นอาหารเฉพาะของฮ่องเต้ก็เริ่มแพร่หลายมาเป็น อาหารของสามัญชน แต่ก็ยังถือว่าหมูย่างยังเป็นอาหารระดับฮ่องเต้อยู่

เมื่อ ประมาณ 100 ปีก่อนนี้ชาวจีนในมณฑลกวางตุ้งซึ่งอยู่ใกล้ทะเล ได้เริ่มอพยพออกจากประเทศโดยทางเรือเพื่อเสาะหาแผ่นดินทางทะเลใต้ คือ ประเทศไทย ซึ่งร่ำลือกันว่ามีความอุดมสมบูรณ์กว่าประเทศจีนมาก จึงได้ลงเรือกันมาผจญภัยพร้อมกันทั้งหมู่บ้าน และมีบางส่วนได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยขึ้นฝั่งที่อำเภอกันตัง หรือปากแม่น้ำตรัง และได้มาบุกเบิกตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดตรัง

ชาว จีนที่อพยพมานี้มีหลายอาชีพ ส่วนใหญ่จะมาบุกเบิกทำไร่พริกไทย จึงได้ตั้งชื่อจังหวัดตรังว่า "เมืองพริกไทย" ชาวจีนเหล่านี้จึงได้มีการเลี้ยงหมูพันธุ์เล็กซึ่งได้นำลงเรือมาด้วยในตำบล ทับเที่ยง ปัจจุบันคืออำเภอเมือง จังหวัดตรัง ปรากฏว่าได้ผลดีมาก ต่อมาได้มีคนกลุ่มหนึ่งนำหมูมาชำแหละขาย ซึ่งก็คือต้นตระกูลของร้านฟองจันทร์ หลังจากนั้นร้านฟองจันทร์ได้รับชาวจีนคนหนึ่งมาจากมณฑลกวางตุ้งชื่อนายซุ่น มีความสามารถในการย่างหมูมาก หมูที่ย่างจะมีรสชาติกลมกล่อมและหนังที่กรอบ สมัยนั้นจังหวัดตรังมีผู้ที่ย่างหมูได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ต่อมาเมื่อนายซุ่นมีอายุมากขึ้นก็ได้ฝึกผู้ช่วยขึ้นมา วิชาการย่างหมูจึงได้แพร่หลายจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่นั้นมา

หมูย่าง นั้นเดิมเป็นอาหารที่ใช้ในการเซ่นไหว้ของหมู่คนจีน ในงานศพ งานมงคล งานเทศกาลต่างๆ และประกอบพิธีกรรมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือการบนบานศาลกล่าวตามวิถีชีวิตซึ่งยังสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาหมู่คนจีนในเมืองตรังนิยมนำหมูย่างมากินกับกาแฟ กระทั่งความนิยมกระจายมาสู่หมู่คนตรังในระดับชนชั้นกลางที่เป็นข้าราชการ นักธุรกิจในเขตเมืองตรังและชานเมืองเป็นลำดับ จนกลายเป็นวัฒนธรรมการกินกาแฟกับหมูย่างในยามเช้าที่ไม่เหมือนใครและไม่มี ใครเหมือน

หมูย่างเมืองตรังจึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดตรังไปในที่สุด

จาก อาหารพื้นเมืองที่นิยมรับประทานกันในวงจำกัด หมูย่างเมืองตรังได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหอการค้าจังหวัดตรังด้วย การจัดงานเทศกาลหมูย่างเมืองตรังขึ้นตั้งแต่ปี 2533 ต่อเนื่องมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับการได้โหนกระแสนโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาล จึงกลายเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ กลายเป็นของแปลก ของโปรด ของประจำบ้านประจำเมืองไปในที่สุด


ไม่มีความคิดเห็น: